ใบสมัครนับเป็นขั้นตอนแรก
และสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน
เพราะส่วนใหญ่ใช้วิธีการคัดเลือกผู้สมัครเข้ารับการสัมภาษณ์
โดยพิจารณาจากรายละเอียดในใบสมัคร เช่น กิจกรรมที่เคยทำขณะศึกษาอยู่
รวมถึงลักษณะของงานและความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ผู้สัมภาษณ์ยังใช้ศึกษาเพื่อทำความคุ้นเคยกับผู้สมัคร
และซักถามเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในบางหัวข้อขณะทำการสัมภาษณ์ ดังนั้น
ผู้สมัครจึงควรทำความเข้าใจกับใบสมัครก่อนที่จะกรอกเพื่อจะได้กรอกได้อย่างถูกต้องเรียบร้อย
และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้พิจารณาใบสมัคร
ข้อควรปฏิบัติในการกรอกใบสมัคร
1.
อ่านคำแนะนำในการกรอกใบสมัครให้ละเอียด แล้วปฏิบัติตามนั้น เช่น บางแห่งระบุไว้ว่า ให้เขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ (BLOCK
LETTER) หรือระบุว่าข้อความใดที่ไม่ใช้ให้ขีดทิ้ง
ในขณะที่บางแห่งอาจระบุให้ขีดเส้นใต้หรือวงกลมรอบข้อความนั้น
บางทีอาจมีช่องให้เขียนชื่อ และนามสกุล แยกจากกัน และอย่าลืมใส่คำนำหน้าชื่อนาย
นางสาว ถ้าช่องที่ใส่ชื่อมีแต่ช่องว่างเฉยๆ
2.
กรอกใบสมัครให้สมบูรณ์ที่สุด เขียนให้อ่านง่าย
ใส่ชื่อที่อยู่และสถานที่ติดต่อให้ละเอียด
รวมทั้งรหัสไปรษณีย์และเบอร์โทรศัพท์ด้วย ในกรณีที่ต้องอาศัยหมายเลขโทรศัพท์ของญาติพี่น้อง
หรือของเพื่อนควรระบุไว้ให้ชัดเจนด้วยว่า เป็นโทรศัพท์ของใคร
และจะให้สั่งข้อความไว้กับใคร และควรจะแจ้งให้เจ้าของโทรศัพท์รู้ล่วงหน้าด้วยว่า
เราจะขอใช้โทรศัพท์ของเขาในการสมัครงาน
3.
ควรจะกรอกรายละเอียดในใบสมัครครบทุกช่อง
กรณีไม่มีข้อความที่จะกรอกให้ขีด ( - ) ลงในช่องนั้นเป็นการแสดงว่าเราเป็นคนละเอียดรอบคอบ
4.ในกรณีที่ใบสมัครมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันไป
ผู้สมัครควรกรอกเป็นภาษาอังกฤษ เว้นแต่ในกรณีที่ไม่แน่ใจ
หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
5.
ควรระบุตำแหน่งงานที่ต้องการสมัครไว้ให้ชัดเจน ถ้าในใบสมัครมีถามว่า
หากตำแหน่งที่ต้องการสมัครไม่ว่าง จะสนใจสมัครในตำแหน่งอื่นหรือไม่
ก็ควรจะระบุลักษณะงานที่ต้องการเพิ่มเติมลงไป หรืออาจใช้ข้อความว่า “หรืองานอื่นที่เหมาะสม” ต่อท้ายด้วยก็ได้
เพื่อให้มีโอกาสได้รับการพิจารณามากขึ้น
6.
การระบุ “เงินเดือนที่ต้องการ” อาจตอบเป็นช่วง เช่น 8,000-9,000 บาทต่อเดือน หรืออาจตอบว่า “สุดแล้วแต่จะพิจารณา”
หรือ “สุดแล้วแต่จะตกลงกัน” ก็ได้ แต่อย่ากรอกข้อความเกินความจริง
7.
กรณีที่ต้องระบุชื่อผู้อ้างอิง
หรือบุคคลที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัครทั้งทางด้านอุปนิสัย ความประพฤติ
หน้าที่การงาน ควรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ ราชการ
หากหาบุคคลดังกล่าวไม่ได้ ควรเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหรือเพื่อนรุ่นพี่
หรือเป็นอาจารย์พิเศษในวิชาที่ผู้สมัครเรียน
และควรจะแจ้งหรือขออนุญาตบุคคลเหล่านั้นด้วย
8.
ควรทำความเข้าใจกับศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำที่มักจะพบ
หรือต้องใช้เสมอในการกรอกใบสมัคร เช่น
Application Form = แบบฟอร์มใบสมัครงาน
Applicant = ผู้สมัคร (งาน)
To be completed in own handwriting = เขียนใบสมัครด้วยลายมือตนเอง
Confidential = เป็นความลับ
Photo attached here = ติดรูปถ่ายตรงนี้
Position applied for = ตำแหน่งที่สมัคร
Salary expected = เงินเดือนที่ต้องการ
Personal data = ประวัติส่วนตัว
Sex เพศ (Male = ชาย,
Female = หญิง)
Present address = ที่อยู่ปัจจุบัน
Permanent address = ที่อยู่ถาวร
Date of birth = วันเดือนปีเกิด, Age
= อายุ
Nationality = สัญชาติ, Race = เชื้อชาติ
Religion = ศาสนา (Buddhism = พุทธ, Christian = คริสต์, Isiam =อิสลาม
Height = ความสูง, Weight = น้ำหนัก
Colour of eyes = สีตา, Colour of
hair = สีผม
Identification Card (ID Card) = บัตรประจำตัวประชาชน
Issued by = ออกให้โดย
Marital status = สถานภาพการสมรส (Single
= เป็นโสด, Married = แต่งงานแล้ว, Widowed = เป็นหม้าย,
Divorce = หย่าร้าง)
Person to notify in case of emergency = ผู้ที่จะติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
Certificate degree obtained = ประกาศนียบัตรหรือปริญญาที่ได้รับ
Military status = สถานภาพทางทหาร
Experience/Previous employment = ประวัติการทำงาน
Reasons for leaving = เหตุผลที่ออกจากงาน
References, Referees = บุคคลอ้างอิง
Applicant signature = ลายเซ็นผู้สมัคร
Reserved Officers Training Corps Course (ROTC) = หลักสูตร ร.ด.
No Military Service Obligation = ไม่มีพันธะทางทหาร
Self-employed = ทำงานส่วนตัว
Equivalent Qualification = คุณวุฒิเทียบเท่า
Income = รายได้
Letter of Recommendation = จดหมายรับรองการทำงาน
Employment Certificate = ใบรับรองการผ่านงาน
Marriage Certificate = ทะเบียนสมรส
Birth Certificate = สูติบัตร
Occupation/Profession = อาชีพ
Related Field = สาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
Resume = ประวัติย่อ
Home Registration = ทะเบียนบ้าน
Dependent = ผู้อยู่ในอุปการะ
Extra-curricular Activities = กิจกรรมนอกหลักสูตร
Special skills = ความชำนาญพิเศษ
Expert in = เชี่ยวชาญ
Employment record = ประวัติการทำงาน
Negotiable = ต่อรองได้
Guarantor = ผู้ค้ำประกัน
Fringe benefits = ผลประโยชน์ที่ลูกจ้างได้รับนอกจากค่าจ้างประจำ
Seminars and special training courses = การสัมมนาและการฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น