วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

การกรอกใบสมัครงาน

ใบสมัครนับเป็นขั้นตอนแรก และสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน เพราะส่วนใหญ่ใช้วิธีการคัดเลือกผู้สมัครเข้ารับการสัมภาษณ์ โดยพิจารณาจากรายละเอียดในใบสมัคร เช่น กิจกรรมที่เคยทำขณะศึกษาอยู่ รวมถึงลักษณะของงานและความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ผู้สัมภาษณ์ยังใช้ศึกษาเพื่อทำความคุ้นเคยกับผู้สมัคร และซักถามเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในบางหัวข้อขณะทำการสัมภาษณ์ ดังนั้น ผู้สมัครจึงควรทำความเข้าใจกับใบสมัครก่อนที่จะกรอกเพื่อจะได้กรอกได้อย่างถูกต้องเรียบร้อย และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้พิจารณาใบสมัคร

ข้อควรปฏิบัติในการกรอกใบสมัคร
1. อ่านคำแนะนำในการกรอกใบสมัครให้ละเอียด แล้วปฏิบัติตามนั้น เช่น บางแห่งระบุไว้ว่า ให้เขียนภาษาอังกฤษด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ (BLOCK LETTER) หรือระบุว่าข้อความใดที่ไม่ใช้ให้ขีดทิ้ง ในขณะที่บางแห่งอาจระบุให้ขีดเส้นใต้หรือวงกลมรอบข้อความนั้น บางทีอาจมีช่องให้เขียนชื่อ และนามสกุล แยกจากกัน และอย่าลืมใส่คำนำหน้าชื่อนาย นางสาว ถ้าช่องที่ใส่ชื่อมีแต่ช่องว่างเฉยๆ
2. กรอกใบสมัครให้สมบูรณ์ที่สุด เขียนให้อ่านง่าย ใส่ชื่อที่อยู่และสถานที่ติดต่อให้ละเอียด รวมทั้งรหัสไปรษณีย์และเบอร์โทรศัพท์ด้วย ในกรณีที่ต้องอาศัยหมายเลขโทรศัพท์ของญาติพี่น้อง หรือของเพื่อนควรระบุไว้ให้ชัดเจนด้วยว่า เป็นโทรศัพท์ของใคร และจะให้สั่งข้อความไว้กับใคร และควรจะแจ้งให้เจ้าของโทรศัพท์รู้ล่วงหน้าด้วยว่า เราจะขอใช้โทรศัพท์ของเขาในการสมัครงาน
3. ควรจะกรอกรายละเอียดในใบสมัครครบทุกช่อง กรณีไม่มีข้อความที่จะกรอกให้ขีด ( - ) ลงในช่องนั้นเป็นการแสดงว่าเราเป็นคนละเอียดรอบคอบ
4.ในกรณีที่ใบสมัครมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันไป ผู้สมัครควรกรอกเป็นภาษาอังกฤษ เว้นแต่ในกรณีที่ไม่แน่ใจ หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
5. ควรระบุตำแหน่งงานที่ต้องการสมัครไว้ให้ชัดเจน ถ้าในใบสมัครมีถามว่า หากตำแหน่งที่ต้องการสมัครไม่ว่าง จะสนใจสมัครในตำแหน่งอื่นหรือไม่ ก็ควรจะระบุลักษณะงานที่ต้องการเพิ่มเติมลงไป หรืออาจใช้ข้อความว่า หรืองานอื่นที่เหมาะสมต่อท้ายด้วยก็ได้ เพื่อให้มีโอกาสได้รับการพิจารณามากขึ้น
6. การระบุ เงินเดือนที่ต้องการอาจตอบเป็นช่วง เช่น 8,000-9,000 บาทต่อเดือน หรืออาจตอบว่า สุดแล้วแต่จะพิจารณาหรือ สุดแล้วแต่จะตกลงกันก็ได้ แต่อย่ากรอกข้อความเกินความจริง
7. กรณีที่ต้องระบุชื่อผู้อ้างอิง หรือบุคคลที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัครทั้งทางด้านอุปนิสัย ความประพฤติ หน้าที่การงาน ควรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ ราชการ หากหาบุคคลดังกล่าวไม่ได้ ควรเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหรือเพื่อนรุ่นพี่ หรือเป็นอาจารย์พิเศษในวิชาที่ผู้สมัครเรียน และควรจะแจ้งหรือขออนุญาตบุคคลเหล่านั้นด้วย
8. ควรทำความเข้าใจกับศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำที่มักจะพบ หรือต้องใช้เสมอในการกรอกใบสมัคร เช่น

Application Form = แบบฟอร์มใบสมัครงาน
Applicant = ผู้สมัคร (งาน)
To be completed in own handwriting = เขียนใบสมัครด้วยลายมือตนเอง
Confidential = เป็นความลับ
Photo attached here = ติดรูปถ่ายตรงนี้
Position applied for = ตำแหน่งที่สมัคร
Salary expected = เงินเดือนที่ต้องการ
Personal data = ประวัติส่วนตัว
Sex เพศ (Male = ชาย, Female = หญิง)
Present address = ที่อยู่ปัจจุบัน
Permanent address = ที่อยู่ถาวร
Date of birth = วันเดือนปีเกิด, Age = อายุ
Nationality = สัญชาติ, Race = เชื้อชาติ
Religion = ศาสนา (Buddhism = พุทธ, Christian = คริสต์, Isiam =อิสลาม
Height = ความสูง, Weight = น้ำหนัก
Colour of eyes = สีตา, Colour of hair = สีผม
Identification Card (ID Card) = บัตรประจำตัวประชาชน
Issued by = ออกให้โดย
Marital status = สถานภาพการสมรส (Single = เป็นโสด, Married = แต่งงานแล้ว,        Widowed = เป็นหม้าย, Divorce = หย่าร้าง)
Person to notify in case of emergency = ผู้ที่จะติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
Certificate degree obtained = ประกาศนียบัตรหรือปริญญาที่ได้รับ
Military status = สถานภาพทางทหาร
Experience/Previous employment = ประวัติการทำงาน
Reasons for leaving = เหตุผลที่ออกจากงาน
References, Referees = บุคคลอ้างอิง
Applicant signature = ลายเซ็นผู้สมัคร
Reserved Officers Training Corps Course (ROTC) = หลักสูตร ร..
No Military Service Obligation = ไม่มีพันธะทางทหาร
Self-employed = ทำงานส่วนตัว
Equivalent Qualification = คุณวุฒิเทียบเท่า
Income = รายได้
Letter of Recommendation = จดหมายรับรองการทำงาน
Employment Certificate = ใบรับรองการผ่านงาน
Marriage Certificate = ทะเบียนสมรส
Birth Certificate = สูติบัตร
Occupation/Profession = อาชีพ
Related Field = สาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
Resume = ประวัติย่อ
Home Registration = ทะเบียนบ้าน
Dependent = ผู้อยู่ในอุปการะ
Extra-curricular Activities = กิจกรรมนอกหลักสูตร
Special skills = ความชำนาญพิเศษ
Expert in = เชี่ยวชาญ
Employment record = ประวัติการทำงาน
Negotiable = ต่อรองได้
Guarantor = ผู้ค้ำประกัน
Fringe benefits = ผลประโยชน์ที่ลูกจ้างได้รับนอกจากค่าจ้างประจำ
Seminars and special training courses = การสัมมนาและการฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น